top of page
Writer's pictureLUKKID

THINK BIG, START SMALL


หลายๆครั้งที่เวลาเรามีไอเดียและมั่นใจกับไอเดียของเรามากๆเราก็พร้อมที่จะทุ่มสุดตัวเพื่อให้ไอเดียนั้นเกิดขึ้นจริง


บางคนอยากจะทำธุรกิจร้านอาหาร เราก็พร้อมที่จะไปเช่าที่เพื่อเปิดร้าน ลงเงินซื้ออุปกรณ์ และจ้างพ่อครัว รวมเบ็ดเสร็จแล้วต้นทุนก็ปาไปหลายแสน กว่าจะได้มีร้านอาหารที่ต้องการ แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังไม่รู้ว่าคนจะมากินอาหารที่ร้านเราหรือเปล่า ฟังแล้วดูเหมือนเป็นการเสี่ยงโชคที่ไม่น่าจะมีโชคเกิดขึ้นได้แน่นอน


หากจะทำให้การสร้างไอเดียนั้น “เสี่ยงน้อยลง” เราจะทำได้อย่างไร?


เราสามารถลองเริ่มจากการทำอะไรที่ลงทุนน้อยแต่ก็สามารถทดสอบได้ว่าสินค้าหรือไอเดียของเรานั้นเป็นที่ต้องการของตลาดหรือเปล่า เช่น หากต้องการเปิดร้านอาหาร เราอาจจะลองทำ Delivery ก่อนโดยไม่ต้องมีหน้าร้าน หรือ ให้พี่วินมอเตอร์ไซค์แถวบ้านขับไปส่ง ก็เริ่มขายอาหารได้เช่นกัน


การลงทุนครั้งนี้อาจจะแค่หลักพัน ล้มมาก็ยังเจ็บน้อยกว่าเปิดร้านเกือบ 10 เท่า

ต่อไปหากการทำ Delivery ของเราทำแล้วไปได้ดี เราอาจจะเริ่มไปออกงานอีเวนท์เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และเป็นการสร้างความตระหนักรู้ถึงแบรนด์ (brand awareness) ของเรา พอคนเริ่มรู้จักเรามากขึ้นและมีฐานลูกค้าที่แน่นอน เราค่อยคิดถึงเรื่องการเปิดร้าน โดยการ ลงทุนครั้งใหญ่ครั้งนี้เป็นการลงทุนที่เรารู้แล้วว่ามีความต้องการสินค้าของเราจริงๆ


คนทั่วไปมักจะสนใจแต่ภาพความสำเร็จจากบริษัทใหญ่ๆที่ออกสินค้าตัวไหนมาคนก็แห่ออกไปซื้อสินค้าตัวนั้น แต่กว่าที่บริษัทเหล่านี้จะออกสินค้าแล้วเป็นที่ต้องการของตลาดได้แต่ละครั้ง เบื้องหลังความสำเร็จคือพวกเขาได้ลองลงมือทำ และปรับปรุงสินค้ามานับไม่ถ้วน


ดังนั้นการลองทำให้เล็กและเร็วในขณะเดียวกันก็ใช้ต้นทุนและเวลาทำให้น้อยที่สุด จะทำให้การออกแบบสินค้าของเราตอบโจทย์ลูกค้า รวมไปถึงไม่ทำให้เราในฐานะเจ้าของธุรกิจหรือผู้ผลิตสินค้าเสียเวลาหรือเสียต้นทุนไปกับสินค้าที่ไม่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายอีกด้วย

 

เขียนและเรียบเรียงเนื้อหาโดย ชนินทร์ คูกิจติเกษม

ภาพประกอบโดย พงศ์วิศิษฏ์ จงเลิศรักษ์

130 views

Comments


bottom of page